วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เป็นหวัด เจ็บคอ ดูแลตนเองได้

ที่มา : มติชนสุดสัปดาห์
เป็นหวัด เจ็บคอ ดูแลตนเองได้
 เปรียบเป็นเครื่องยนต์การส่งเสริมการใช้สมุนไพรของไทยกำลังเดินเครื่องเต็มกำลัง รัฐบาลออกคำสั่งเหยียบคันเร่งสุดๆ โดยมีเป้าหมายสำคัญให้สมุนไพรเป็นหนึ่งในเครื่องจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบ ไทยแลนด์ 4.0
          โดยตัวของสมุนไพรเองมีศักยภาพได้ทั้งรูปแบบที่เป็นอาหาร ยา เครื่องสำอาง และสารกำจัดศัตรูพืชที่ปลอดภัยคราวนี้ก็ขึ้นกับฝีมือคนไทยล่ะว่าจะพัฒนาสมุนไพรให้ก้าวหน้ากันอย่างไรดี
          อันที่จริงช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา สังคมไทยหันกลับมายอมรับการใช้สมุนไพรในรูปแบบยาบำบัดรักษาโรคเพิ่มมากขึ้นหลักฐานยืนยันอย่างน้อย 2 แหล่ง คือ การขยายตัวการใช้สมุนไพรในระบบบริการสาธารณสุขของประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ผู้มาใช้สิทธิประโยชน์และมีการใช้สมุนไพรหรือการแพทย์แผนไทยเพิ่มขึ้น
การจ่ายยาสมุนไพรที่ติดอันดับแรกให้ทายกันว่าเป็นยาสมุนไพรแก้โรคหรืออาการอะไร คำตอบคือ คนไข้นิยมใช้ยาสมุนไพรแก้ไอ เจ็บคอ ตำรับที่นิยมได้แก่ ยาแก้ไอสูตรมะขามป้อม (มีด้วยกันหลายสูตร)
หลักฐานที่น่าสนใจอีกแหล่ง ให้ลองเดินสำรวจตลาดเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ ปัจจุบันมีมุมยาสมุนไพรและที่แข่งขันกันน่าดูก็คือยาแก้ไอเจ็บคอ มีโชว์ให้เลือกหลายยี่ห้อหลายสูตร นี่ย่อมแสดงว่ามีลูกค้ามาเลือกซื้อไปกินแก้ไอเจ็บคอกันมาก ไม่เช่นนั้นธุรกิจนี้คงไม่ยอมให้เสียพื้นที่วางสินค้าซึ่งมีการแข่งขันกันสูงแน่
          การพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ให้ใช้ได้สะดวกสบายและสร้างงานสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนของประเทศก็มีความจำเป็นแต่เราก็ยังต้องส่งเสริมความรู้ในการดูแลสุขภาพตนเองและในครัวเรือนให้มากขึ้นไปด้วย ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันไม่ให้อาการเจ็บป่วยบางอย่างลุกลามจนต้องล้มหมอนนอนโรงพยาบาลเสียเงินทองกันเกินจำเป็น
          อาการไอ เจ็บคอ และอาการไข้หวัดที่มาพร้อมกับช่วงอากาศเปลี่ยนนี้ เรามีภูมิปัญญาดั้งเดิมมากพอในการดูแลสุขภาพของเรา ความรู้เหล่านี้สอดคล้องกับการแนะนำการปฏิบัติตัวของการแพทย์แผนปัจจุบันที่แนะนำกันให้ งดเว้นการอาบน้ำเย็นให้อาบน้ำอุ่นหรือใช้วิธีเช็ดตัว รักษาความอบอุ่นในร่างกาย อย่าตากลมตากแอร์เย็นๆ ดื่มน้ำมากๆ งดกิจกรรมงานต่างๆ และให้นอนพักผ่อน และเมื่อคิดถึงสมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการไข้หวัด และแก้ไอเจ็บคอแล้ว มีวิธีการง่ายๆ ได้ผลดีมาแนะนำตั้งแต่
          1)สมุนไพรที่ง่ายสุด ประหยัดสุด แต่ไม่เร้าใจเพราะดูเป็นเรื่องสามัญเหลือเกิน คือ การดื่มน้ำอุ่นๆ ตลอดทั้งวัน เทคนิคให้ได้ผลดีเลิศต้องดื่มบ่อยๆ หรือใช้วิธีจิบน้ำอุ่นๆ บ่อยๆ ตลอดทั้งวัน นอกจากช่วยลดไข้ในร่างกายแล้ว อาการไอและมีเสมหะมากจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด ถ้าใครไม่เชื่อลองดื่มน้ำเย็นขณะมีอาการไอและไข้หวัดดูก็จะรู้ซึ้งถึงน้ำเย็นแสลงกับโรคอย่างไร
เป็นหวัด เจ็บคอ ดูแลตนเองได้ thaihealth
          2) สมุนไพรที่ทำง่ายและเป็นที่ยอมรับกันทั้งในภูมิปัญญาดั้งเดิมของจีนและอินเดีย ถือว่าเป็นสมุนไพรแก้ไข้หวัดและที่มีอาการไอเจ็บคอ คือ ขิง วิธีปรุงยาทำได้หลายขนาน ตั้งแต่นำขิงสดมาล้างแล้วฝานเป็นแว่นๆ บางๆ 4-5 ชิ้น ใส่แก้ว เติมน้ำร้อน ปิดฝาทิ้งไว้ให้ยาอุ่นๆ พอดื่มได้ แต่งด้วยน้ำผึ้งหรือน้ำตาลเล็กน้อย กินครั้งละ 1 แก้ว วันละ 3 เวลา หรือจะใช้วิธีเอาขิงสด 2-3 แง่งนำมาทุบให้พอแตก ใส่หม้อต้มน้ำ ต้มเดือดแล้ว กินแต่น้ำขิงอุ่นๆ จะแต่งรสได้ตามใจ
          อีกวิธีที่ได้ฤทธิ์ยาเข้มข้นชะงัดนัก คือใช้ขิงสดล้างน้ำแล้ว หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ (มากน้อยตามต้องการ) ใส่เครื่องปั่นโดยเติมน้ำสะอาดลงไปเล็กน้อยเพื่อให้สามารถปั่นขิงออกมามีน้ำขิงได้ แล้วกรองเอาแต่น้ำขิงเข้มข้น มาผสมกับน้ำสะอาดและน้ำผึ้ง
          ขิงคั้นสดจะเผ็ดร้อนมากไม่ควรกินแบบเข้มข้นเพราะจะทำให้ระคายคอได้ ต้องทำให้เจือจางก่อนและแต่งรสด้วยน้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อม ขิงคั้นแบบนี้ออกฤทธิ์ทางตรง ช่วยให้ร่างกายขับเหงื่อแก้ไข้หวัดได้ดี และจิบเล็กน้อยแก้ไอเจ็บคอได้ด้วย
          จากสูตรนี้ยังสามารถแต่งรสมะนาว โดยการคั้นน้ำมะนาวสดผสมลงไปได้ด้วย ก็จะช่วยเสริมสรรพคุณเพราะมะนาว ช่วยแก้ไข้หวัด แก้ไอเจ็บคอได้เช่นกัน น้ำขิงสดผสมน้ำมะนาวแต่งน้ำผึ้งเป็นยาสมุนไพรรสอร่อยที่ทำกันได้เองทุกครัวเรือน
เป็นหวัด เจ็บคอ ดูแลตนเองได้ thaihealth
          3) ขิงสดถ้าผสมกับกะเพรา ก็เป็นยาแก้ไข้หวัดแก้ไอเจ็บคอได้ดีไม่แพ้กัน อันที่จริงกะเพราอย่างเดียวในตำรับโบราณของไทยนั้นเอาใบกะเพรามาสัก 5-10 ใบ มาขยี้หรือตำแล้วคั้นเอาน้ำผสมน้ำผึ้งออกรสหวานๆ เผ็ดๆ จากกะเพราใช้แก้ไอในเด็กได้
          ดังนั้น เมื่อปรุงยาเป็นสูตรขิงผสมกะเพรา สามารถทำได้ 2 แบบ คือ น้ำคั้นขิงและน้ำคั้นจากใบกะเพรามาผสมกัน แต่งด้วยน้ำผึ้ง นำมากินแก้ไข้หวัดและแก้ไอเจ็บคอ หรือใช้วิธีนำใบกะเพราและขิงสด ต้มน้ำให้เดือด แบ่งใส่ถ้วยแต่น้ำผึ้งกินได้เช่นกัน
เป็นหวัด เจ็บคอ ดูแลตนเองได้ thaihealth
          4) ตำรับนี้ใช้พืชสมุนไพรหาได้ง่ายเช่นกัน เป็นตำรับยาที่เรานึกไม่ค่อยถึงแต่เป็นที่นิยมในการพึ่งตนเองของชาวอินเดียที่นำเอาความรู้อายุรเวทมาใช้ในชีวิตประจำวัน ได้แก่ การนำเอาใบสะระแหน่ มาปั่นเป็นน้ำให้ได้ประมาณหนึ่งในสี่ของแก้ว แล้วผสมน้ำผึ้งสัก 1 ช้อนชา
          น้ำดื่มยาสมุนไพรนี้แนะนำให้กินตอนเช้าและเย็นก็พอ กินติดต่อกันสัก 2-3 วัน ตำรับนี้เขาว่าช่วยแก้อาการไข้หวัด การไอจามได้ดี น้ำคั้นสะระแหน่ยังถือว่าเป็นเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพ มีสารต้านอนุมูลอิสระด้วย
          อันที่จริงยังมีสูตรตำรับยาที่ใช้พึ่งตนเองที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังในโอกาสต่อไป เพราะเราต้องช่วยกันส่งเสริมความรู้และวัฒนธรรมการดูแลตนเองเคียงคู่การพัฒนาสมุนไพรในเชิงอุตสาหกรรมด้วย เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของประเทศและเป็นการป้องกันสุขภาพก่อนต้องไปซ่อมสุขภาพ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น