วันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2561

5 ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับสิว


สิว มักจะเกิดขึ้นบ่อย และก่อความกังวลใจ หลายคนมีความเชื่อแบบผิดๆ เกี่ยวกับสิว ทำให้การรักษาสิวไม่ได้ผล
5 ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับสิว
1. เชื่อว่าฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกเป็นสาเหตุของสิว จึงล้างหน้าฟอกสบู่บ่อยๆ ความเชื่อนี้ทำให้ผู้เป็นสิวล้างหน้าบ่อยเกินไป และใช้สบู่ที่แรงหรือสบู่ยา ทำให้หน้าอักเสบ ระคายเคือง และสิวกำเริบขึ้น
2. เชื่อว่ากินช็อกโกแลตแล้วทำให้สิวขึ้น ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าอาหารพวกช็อกโกแลต มันฝรั่ง ถั่วทอด พิซซ่า อาหารมันๆ น้ำอัดลม หรือไอศกรีม กระตุ้นให้สิวเกิดขึ้น  อาหารพวกไอศกรีมและนมไม่ทำให้สิวกำเริบ ยกเว้นกรณีผู้ที่เป็นสิวอักเสบและรักษาโดยกินยากลุ่มเตตราไซคลีน ไม่ควรดื่มนมภายในเวลา 1 ชั่วโมงครึ่งก่อน หรือ 2 ชั่วโมงหลังกินยา เพราะแคลเซียมในนมขัดขวางการดูดซึมของยา
3. เชื่อว่าสิวเป็นแค่เรื่องความงาม ไม่ได้เป็นโรคผิวหนัง ก็เป็นความเชื่อที่ผิด เพราะสิวที่รุนแรงหากปล่อยให้หายเองจะทิ้งแผลเป็นอย่างมาก มีงานวิจัยชี้ว่าแผลเป็นเหล่านี้ส่งผลเสียทางจิตใจอย่างชัดเจน พบว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคสิวเรื้อรัง ร้อยละ 44 เกิดความกังวล และร้อยละ 18 มีอารมณ์ซึมเศร้า
4. เชื่อว่าแสงแดดทำให้สิวดีขึ้น แสงแดดอาจทำให้ดูเหมือนว่าสิวดีขึ้น เพราะแสงแดดทำให้ผิวไหม้แดงและผิวคล้ำลง ช่วยบดบังรอยแดงรอยดำจากสิวอักเสบ แต่แท้จริงแล้วนอกจากแสงแดดเป็นอันตรายต่อผิวหนังแล้ว แสงแดดยังทำให้ผิวระคายเคืองและสิวกำเริบ
5. เชื่อว่าการรักษาสิวนั้นยิ่งใช้ยาแรงยิ่งได้ผลดี วัยรุ่นที่เป็นสิวเชื่อว่าการรักษาสิวนั้นยิ่งใช้ยาแรงยิ่งได้ผลดี ที่จริงแล้วถ้ายาความเข้มข้นต่ำได้ผลดีก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาแรงขึ้น นอกจากจะเสียเงินมากขึ้นโดยไม่จำเป็นแล้ว ยังอาจเกิดผลแทรกซ้อน เช่น การระคายเคืองมากขึ้น
ทั้งนี้ การรักษาสิวที่ถูกต้องนั้นควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรอย่างเคร่งครัด ไม่ควรไปหลงเชื่อคำโฆษณาเกินจริงของผลิตภัณฑ์ที่ถูกผลิตออกมาเพื่อผลในทางการค้า

สุดยอด 15 อาหารล้างพิษในร่างกาย


เมื่อพูดถึงการล้างพิษในร่างกายนั้น อาหารจัดได้ว่าเป็นยาที่ดีที่สุด คุณจะแปลกใจว่าในอาหารโปรดหลายชนิดนั้นช่วยล้างพิษในร่างกายคุณได้ ไม่ว่าจะเป็น ตับ ลำไส้ ไต หรือผิวพรรณ ทั้งยังช่วยป้องกันการก่อตัวของสารพิษได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังปกป้องสารพิษจากมลภาวะรอบตัว การเสพติดอาหาร ควันบุหรี่มือสอง รวมไปถึงสารพิษชนิดอื่นๆ ด้วยการรับประทานอาหารผลไม้อร่อยๆ ผักสด ถั่ว และน้ำมันชนิดต่างๆ ดังนี้

1. แอปเปิ้ล

เพราะในแอปเปิ้ลอุดมไปด้วยเพคติน ซึ่งเป็นเส้นใยอาหารชนิดที่สามารถดักจับคอเลสเตอรอลและโลหะหนักในร่างกายได้ ช่วยกำจัดสารพิษแล้วขับออกมาทางลำไส้ ถ้าจะให้ดีควรเลือกทานแอปเปิ้ลที่ปลูกแบบออแกนิก

2. อะโวคาโด

เรามักจะคิดแค่ว่าอะโวคาโดเป็นอาหารคลีน แต่ความจริงแล้วอะโวคาโดนี้เป็นแหล่งของสารอาหารที่ทรงพลัง ทั้งยังมีคอเลสเตอรอลต่ำ และช่วยขยายหลอดเลือด และช่วยปิดกั้นสารพิษที่เข้ามาทำลายหลอดเลือดแดง นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีชื่อว่ากลูต้าไธโอน ช่วยต้านทานสารก่อมะเร็งได้อย่างน้อยถึง 30 ชนิดด้วยกัน อีกทั้งยังช่วยล้างพิษตับจากสารเคมีต่างๆ ได้

3. บีทรูท (ผักกาดแดง)

บีทรูท
บีทรูท
ในหัวบีทรูทนั้นมีสารประกอบตามธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์ที่ช่วยในการฟอกเลือด และจัดเป็นพืชที่ช่วยในการล้างพิษตับได้อย่างดีเยี่ยม

4. บลูเบอร์รี่

บลูเบอร์รี่
บลูเบอร์รี่
บลูเบอร์รี่จัดเป็นอาหารเพื่อการบำบัดที่ทรงพลังอีกชนิดก็ว่าได้ เพราะในบลูเบอร์รี่นั้นมีแอสไพรินตามธรรมชาติที่ช่วยลดผลกระทบจากเนื้อเยื่ออักเสบเรื้อรัง และลดความเจ็บปวดลงได้ นอกจากนี้บลูเบอร์รี่ยังทำหน้าที่เป็นยาปฏิชีวนะด้วยการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ จึงช่วยป้องกันการติดเชื้อ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการต้านไวรัสและป้องกันสารพิษเข้าสู่สมองได้ด้วย

5. กะหล่ำปลี

ในกะหล่ำปลีมีสาระต้านมะเร็งอยู่หลายชนิด และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกจำนวนมากช่วยให้ตับทำลายฮอร์โมนส่วนเกินออกไป อีกทั้งในกะหล่ำปลียังช่วยทำความสะอาดระบบทางเดินอาหาร ช่วยลดสารพิษจากควันบุหรี่ และเพิ่มประสิทธิภาพในการล้างพิษของตับได้

6. ขึ้นฉ่าย

ทั้งขึ้นฉ่ายและเมล็ดขึ้นฉ่ายต่างก็ช่วยดีท๊อกซ์เลือดได้อย่างดีเยี่ยม มีสารต้านมะเร็งอยู่หลายชนิด ช่วยล้างพิษเซลล์มะเร็งออกไปจากร่างกาย ในเมล็ดขึ้นฉ่ายนั้นมีสารต้านการอักเสบอีกกว่า 20 ชนิด จึงช่วยกรองสารพิษที่พบในควันบุหรี่ออกไปได้

7. แครนเบอร์รี่

ช่วยล้างพิษร่างกายจากแบคทีเรียที่เป็นอันตรายและไวรัสที่อาจตกค้างอยู่ในทางเดินปัสสาวะได้ เพราะในแครนเบอร์รี่นั้นมีสารที่เป็นทั้งยาปฏิชีวนะและต่อต้านไวรัสตามธรรมชาติอยู่มาก

8. เมล็ดลินิน

เมล็ดลินิน
เมล็ดลินิน
อุดมไปด้วยกรดไขมันสำคัญๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรดไขมันโอเมก้า 3 ทั้งเมล็ดลินินและน้ำมันเมล็ดลินินต่างก็สำคัญต่อการทำความสะอาดระบบต่างๆ ตลอดทั้งร่างกายได้

9. กระเทียม

ทานกระเทียมช่วยล้างแบคทีเรียที่เป็นพิษออกไปได้ รวมไปถึงพยาธิในลำไส้และไวรัสต่างๆ ภายในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อยู่ในเลือดและลำไส้ กระเทียมช่วยล้างพิษที่สะสมอยู่ในหลอดเลือดแดง และยังช่วยต่อต้านมะเร็ง มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยล้างพิษจากสารอันตรายภายในร่างกาย นอกจากนี้กระเทียมยังเป็นผู้ช่วยสำคัญในการทำความสะอาดทางเดินหายใจด้วยการขับสารพิษออกจากปอดและไซนัส เพื่อให้ได้รับประโยชน์มากที่สุดควรเลือกทานเป็นกระเทียมสด เพราะในกระเทียมผงนั้นไม่มีคุณสมบัติดี ๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้น

10. เกรปฟรุต (ผลไม้ตระกูลส้ม)

เกรปฟรุต
เกรปฟรุต
ทานเกรปฟรุตในมื้อเช้าจะทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากเส้นใยเพคตินที่ช่วยดักจับคอเลสเตอรอล ดังนั้นจึงช่วยทำความสะอาดเลือดได้ เพคตินยังช่วยดักจับโลหะหนักและนำพาออกไปจากร่างกาย นอกจากนี้เกรปฟรุตยังมีสารที่ช่วยต้านไวรัสจึงขจัดไวรัสที่ทำอันตรายออกไปได้ เกรปฟรุตจัดเป็นผลไม้ล้างพิษที่ยอดเยี่ยมสำหรับลำไส้และตับเลยทีเดียว

11. ผักคะน้า

ผักคะน้านึ่งมีประโยชน์ในการช่วยต่อต้านมะเร็ง และเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยล้างสารพิษออกไปจากร่างกายได้ ทั้งยังเต็มไปด้วยเส้นใยอาหารที่ช่วยทำความสะอาดทางเดินอาหาร คล้ายๆ กับกระหล่ำปลีนั่นเอง คะน้ายังทำให้สารที่พบในควันบุหรี่มีความเป็นกลาง และยังช่วยล้างพิษตับได้อย่างมีประสิทธิภาพ

12. พืชตระกูลถั่ว

เพิ่มถั่วที่ปรุงสุกแล้วลงไปในอาหารมื้อต่อไปของคุณ มันเต็มไปด้วยเส้นใยอาหารช่วยลดคอเลสเตอรอล ทำความสะอาดลำไส้และรักษาระดับน้ำตาลในเลือด พืชตระกูลถั่วยังช่วยป้องกันมะเร็งได้ด้วยนะ

13. เลมอน

เลมอน
เลมอน
จัดเป็นสารล้างพิษตับชั้นเยี่ยม ในเลมอนประกอบไปด้วยวิตามินซีสูงมาก ซึ่งเป็นวิตามินที่ร่างกายต้องการใช้เพื่อนำไปผลิตสารที่มีชื่อว่ากลูต้าไธโอน กลูต้าไธโอนช่วยล้างพิษตับจากสารเคมีอันตรายต่างๆ บีบน้ำเลมอนสักลูกผสมกับน้ำสะอาดแล้วดื่มทุกวันเป็นประจำช่วยล้างพิษในร่างกายได้

14. สาหร่ายทะเล

สาหร่ายทะเลเป็นพืชที่มักจะถูกละเลยในโลกตะวันตก จากการศึกษาที่มหาวิทยาลัย McGill ในมอนทรีออล พบว่าสาหร่ายทะเลช่วยดักจับสารกัมมันตรังสีในร่างกายได้ อีกทั้งยังดักจับโลหะหนักแล้วขจัดออกไปจากร่างกาย นอกเหนือจากนี้ในสาหร่ายทะเลยังเต็มไปด้วยแร่ธาตุอีกเป็นจำนวนมากด้วย

15. ผักวอเตอร์เครส (สลัดน้ำ)

ถ้ายังไม่เคยทานผักวอเตอร์เครส อาจลองชิมด้วยการนำไปทำแซนวิชดูได้ ผักชนิดนี้เพิ่มเอนไซม์ที่ช่วยในการล้างพิษและเซลล์มะเร็งออกไปจากร่างกายด้วย จากการศึกษาในศูนย์วิจัยอาหาร Norwich ในประเทศอังกฤษ พบว่าผู้ที่สูบบุหรี่ที่ทานวอเตอร์เครส 170 กรัมต่อวันจะขจัดสารก่อมะเร็งผ่านออกมาทางปัสสาวะได้มากกว่าระดับปกติที่เคยขับออกมาจากร่างกาย
การกินผักและผลไม้ที่หลากหลายจัดเป็นตัวช่วยที่ดีเยี่ยมในการล้างเอาสารพิษที่เป็นอันตรายออกไปจากร่างกาย อีกทั้งมันยังอร่อยถูกปากรสชาติดีอีกด้วยนะ

วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2561

กินอย่างไรจึงจะไม่เจ็บป่วย

ที่มา : มูลนิธิหมอชาวบ้าน
กินอย่างไรจึงจะไม่เจ็บป่วย thaihealth
สุขภาพที่ดีเป็นสิ่งที่สำคัญ  การกินก็เป็นอีกหนึ่งวิธี ที่ควรระมัดระวัง เพราะปัจจุบัน ด้วยสภาพแวดล้อมและอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้อาหารที่รับประทานนั้น ไม่ปลอดภัย 100 % เสมอไป   อาหารที่ถูกสุขอนามัยนั้นเราไม่จำเป็นต้องซื้ออาหารแพงๆ หรือวิตามินมากิน เพียงแค่เราปฏิบัติตามกฎ 10 ข้อ ดังต่อไปนี้
1.กินอาหารหลายๆชนิดหมุนเวียนกันไปทุกวัน
2.กินอาหารให้เพียงพอ ไม่มากไม่น้อยไป
3.กินอาหารที่เป็นธรรมชาติดัดแปลงแต่น้อย
4.กินเป็นเวลา ไม่กินจุบจิบ ไม่กินระหว่างมื้อ
5.กินอาหารเช้าให้มาก และหนักที่สุด ส่วนมื้อเย็นกินน้อยๆและเบาๆ
6.กินช้าๆ เคี้ยวให้ละเอียด
7.ควรกินอย่างฉลาด หลีกเลี่ยงอาหารที่ปลอมปนและเป็นพิษเป็นภัยต่อร่างกาย
8.ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว
9.ไม่บริโภคสิ่งเสพติด
10.เวลากินข้าวระวังอย่าให้ตึงเครียด อารมณ์เสีย หรือเหนื่อยมากเกินไป

บุหรี่ กับโรคหัวใจ

ที่มา : บุหรี่จิ๋ว แต่เจ็บ(ป่วย) โดย มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
บุหรี่ กับโรคหัวใจ  thaihealth
องค์การอนามัยโลกได้ระบุว่า 1 ใน 4 หรือร้อยละ 25 ของผู้ที่เสียชีวิตจากโรคเส้นเลือดหัวใจตีบเป็นผลจากการสูบบุหรี่ และผู้หญิงสูบบุหรี่ที่ได้รับยาคุมกำเนิด จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบมากกว่าสตรีทั่วไปถึงเกือบ 40 เท่า และยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นเลือดสมองตีบและโรคระบบหลอดเลือดสูงกว่าสตรีทั่วไปด้วย
รายงานการวิจัยในสหรัฐอเมริกาพบว่า กลุ่มผู้สูบบุหรี่จะมีโอกาสหรือความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจขาดเลือดมากกว่าคนไม่สูบบุหรี่ 2.4 เท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้สูบบุหรีที่เป็นโรคความดันเลือดสูง หรือมีไขมันในเลือดสูง จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจขาดเลือดถึง 1.5 เท่า ซึ่งหากผู้สูบบุหรี่นั้น เป็นทั้งความดันเลือดและไขมันในเลือดเสื่อม และเกิดความตีบตันเร็วมากกว่าผู้ไม่สูบถึง 10-15 ปี
ผลจากการสูบบุหรี่ต่อการทำงานของหัวใจ
ขณะนี้โรคหัวใจเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของคนไทย โดยส่วนใหญ่เป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ซึ่งการสูบบุหรี่เป็นสาเหตุที่สำคัญ ผู้สูบบุหรี่มีโอกาสหัวใจวายตายในอายุประมาณ 30-40 ปี ซึ่งสุงกว่าผู้ไม่สูบถึง 5 เท่า สารพิษในควันบุหรี่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของหลอดเลือดทั่วร่างกาย โดยเกิดเป็นคราบเกาะภายในหลอดเลือด ทำให้รูหลอดเลือดค่อยๆ ตีบลง จนเกิดการตีบตันของเส้นเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้น้อยลง จึงทำให้เกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบหรือโรคหัวใจขาดเลือดได้ เมื่อหลอดเลือดตีบจนมีผลให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงหัวใจได้ จะเกิดอาการจุกเสียด เจ็บหน้าอก และถึงขั้นหัวใจวายได้ในที่สุด