วันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2561

5 ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับสิว


สิว มักจะเกิดขึ้นบ่อย และก่อความกังวลใจ หลายคนมีความเชื่อแบบผิดๆ เกี่ยวกับสิว ทำให้การรักษาสิวไม่ได้ผล
5 ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับสิว
1. เชื่อว่าฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกเป็นสาเหตุของสิว จึงล้างหน้าฟอกสบู่บ่อยๆ ความเชื่อนี้ทำให้ผู้เป็นสิวล้างหน้าบ่อยเกินไป และใช้สบู่ที่แรงหรือสบู่ยา ทำให้หน้าอักเสบ ระคายเคือง และสิวกำเริบขึ้น
2. เชื่อว่ากินช็อกโกแลตแล้วทำให้สิวขึ้น ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าอาหารพวกช็อกโกแลต มันฝรั่ง ถั่วทอด พิซซ่า อาหารมันๆ น้ำอัดลม หรือไอศกรีม กระตุ้นให้สิวเกิดขึ้น  อาหารพวกไอศกรีมและนมไม่ทำให้สิวกำเริบ ยกเว้นกรณีผู้ที่เป็นสิวอักเสบและรักษาโดยกินยากลุ่มเตตราไซคลีน ไม่ควรดื่มนมภายในเวลา 1 ชั่วโมงครึ่งก่อน หรือ 2 ชั่วโมงหลังกินยา เพราะแคลเซียมในนมขัดขวางการดูดซึมของยา
3. เชื่อว่าสิวเป็นแค่เรื่องความงาม ไม่ได้เป็นโรคผิวหนัง ก็เป็นความเชื่อที่ผิด เพราะสิวที่รุนแรงหากปล่อยให้หายเองจะทิ้งแผลเป็นอย่างมาก มีงานวิจัยชี้ว่าแผลเป็นเหล่านี้ส่งผลเสียทางจิตใจอย่างชัดเจน พบว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคสิวเรื้อรัง ร้อยละ 44 เกิดความกังวล และร้อยละ 18 มีอารมณ์ซึมเศร้า
4. เชื่อว่าแสงแดดทำให้สิวดีขึ้น แสงแดดอาจทำให้ดูเหมือนว่าสิวดีขึ้น เพราะแสงแดดทำให้ผิวไหม้แดงและผิวคล้ำลง ช่วยบดบังรอยแดงรอยดำจากสิวอักเสบ แต่แท้จริงแล้วนอกจากแสงแดดเป็นอันตรายต่อผิวหนังแล้ว แสงแดดยังทำให้ผิวระคายเคืองและสิวกำเริบ
5. เชื่อว่าการรักษาสิวนั้นยิ่งใช้ยาแรงยิ่งได้ผลดี วัยรุ่นที่เป็นสิวเชื่อว่าการรักษาสิวนั้นยิ่งใช้ยาแรงยิ่งได้ผลดี ที่จริงแล้วถ้ายาความเข้มข้นต่ำได้ผลดีก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาแรงขึ้น นอกจากจะเสียเงินมากขึ้นโดยไม่จำเป็นแล้ว ยังอาจเกิดผลแทรกซ้อน เช่น การระคายเคืองมากขึ้น
ทั้งนี้ การรักษาสิวที่ถูกต้องนั้นควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรอย่างเคร่งครัด ไม่ควรไปหลงเชื่อคำโฆษณาเกินจริงของผลิตภัณฑ์ที่ถูกผลิตออกมาเพื่อผลในทางการค้า

สุดยอด 15 อาหารล้างพิษในร่างกาย


เมื่อพูดถึงการล้างพิษในร่างกายนั้น อาหารจัดได้ว่าเป็นยาที่ดีที่สุด คุณจะแปลกใจว่าในอาหารโปรดหลายชนิดนั้นช่วยล้างพิษในร่างกายคุณได้ ไม่ว่าจะเป็น ตับ ลำไส้ ไต หรือผิวพรรณ ทั้งยังช่วยป้องกันการก่อตัวของสารพิษได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังปกป้องสารพิษจากมลภาวะรอบตัว การเสพติดอาหาร ควันบุหรี่มือสอง รวมไปถึงสารพิษชนิดอื่นๆ ด้วยการรับประทานอาหารผลไม้อร่อยๆ ผักสด ถั่ว และน้ำมันชนิดต่างๆ ดังนี้

1. แอปเปิ้ล

เพราะในแอปเปิ้ลอุดมไปด้วยเพคติน ซึ่งเป็นเส้นใยอาหารชนิดที่สามารถดักจับคอเลสเตอรอลและโลหะหนักในร่างกายได้ ช่วยกำจัดสารพิษแล้วขับออกมาทางลำไส้ ถ้าจะให้ดีควรเลือกทานแอปเปิ้ลที่ปลูกแบบออแกนิก

2. อะโวคาโด

เรามักจะคิดแค่ว่าอะโวคาโดเป็นอาหารคลีน แต่ความจริงแล้วอะโวคาโดนี้เป็นแหล่งของสารอาหารที่ทรงพลัง ทั้งยังมีคอเลสเตอรอลต่ำ และช่วยขยายหลอดเลือด และช่วยปิดกั้นสารพิษที่เข้ามาทำลายหลอดเลือดแดง นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีชื่อว่ากลูต้าไธโอน ช่วยต้านทานสารก่อมะเร็งได้อย่างน้อยถึง 30 ชนิดด้วยกัน อีกทั้งยังช่วยล้างพิษตับจากสารเคมีต่างๆ ได้

3. บีทรูท (ผักกาดแดง)

บีทรูท
บีทรูท
ในหัวบีทรูทนั้นมีสารประกอบตามธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์ที่ช่วยในการฟอกเลือด และจัดเป็นพืชที่ช่วยในการล้างพิษตับได้อย่างดีเยี่ยม

4. บลูเบอร์รี่

บลูเบอร์รี่
บลูเบอร์รี่
บลูเบอร์รี่จัดเป็นอาหารเพื่อการบำบัดที่ทรงพลังอีกชนิดก็ว่าได้ เพราะในบลูเบอร์รี่นั้นมีแอสไพรินตามธรรมชาติที่ช่วยลดผลกระทบจากเนื้อเยื่ออักเสบเรื้อรัง และลดความเจ็บปวดลงได้ นอกจากนี้บลูเบอร์รี่ยังทำหน้าที่เป็นยาปฏิชีวนะด้วยการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ จึงช่วยป้องกันการติดเชื้อ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการต้านไวรัสและป้องกันสารพิษเข้าสู่สมองได้ด้วย

5. กะหล่ำปลี

ในกะหล่ำปลีมีสาระต้านมะเร็งอยู่หลายชนิด และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกจำนวนมากช่วยให้ตับทำลายฮอร์โมนส่วนเกินออกไป อีกทั้งในกะหล่ำปลียังช่วยทำความสะอาดระบบทางเดินอาหาร ช่วยลดสารพิษจากควันบุหรี่ และเพิ่มประสิทธิภาพในการล้างพิษของตับได้

6. ขึ้นฉ่าย

ทั้งขึ้นฉ่ายและเมล็ดขึ้นฉ่ายต่างก็ช่วยดีท๊อกซ์เลือดได้อย่างดีเยี่ยม มีสารต้านมะเร็งอยู่หลายชนิด ช่วยล้างพิษเซลล์มะเร็งออกไปจากร่างกาย ในเมล็ดขึ้นฉ่ายนั้นมีสารต้านการอักเสบอีกกว่า 20 ชนิด จึงช่วยกรองสารพิษที่พบในควันบุหรี่ออกไปได้

7. แครนเบอร์รี่

ช่วยล้างพิษร่างกายจากแบคทีเรียที่เป็นอันตรายและไวรัสที่อาจตกค้างอยู่ในทางเดินปัสสาวะได้ เพราะในแครนเบอร์รี่นั้นมีสารที่เป็นทั้งยาปฏิชีวนะและต่อต้านไวรัสตามธรรมชาติอยู่มาก

8. เมล็ดลินิน

เมล็ดลินิน
เมล็ดลินิน
อุดมไปด้วยกรดไขมันสำคัญๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรดไขมันโอเมก้า 3 ทั้งเมล็ดลินินและน้ำมันเมล็ดลินินต่างก็สำคัญต่อการทำความสะอาดระบบต่างๆ ตลอดทั้งร่างกายได้

9. กระเทียม

ทานกระเทียมช่วยล้างแบคทีเรียที่เป็นพิษออกไปได้ รวมไปถึงพยาธิในลำไส้และไวรัสต่างๆ ภายในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อยู่ในเลือดและลำไส้ กระเทียมช่วยล้างพิษที่สะสมอยู่ในหลอดเลือดแดง และยังช่วยต่อต้านมะเร็ง มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยล้างพิษจากสารอันตรายภายในร่างกาย นอกจากนี้กระเทียมยังเป็นผู้ช่วยสำคัญในการทำความสะอาดทางเดินหายใจด้วยการขับสารพิษออกจากปอดและไซนัส เพื่อให้ได้รับประโยชน์มากที่สุดควรเลือกทานเป็นกระเทียมสด เพราะในกระเทียมผงนั้นไม่มีคุณสมบัติดี ๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้น

10. เกรปฟรุต (ผลไม้ตระกูลส้ม)

เกรปฟรุต
เกรปฟรุต
ทานเกรปฟรุตในมื้อเช้าจะทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากเส้นใยเพคตินที่ช่วยดักจับคอเลสเตอรอล ดังนั้นจึงช่วยทำความสะอาดเลือดได้ เพคตินยังช่วยดักจับโลหะหนักและนำพาออกไปจากร่างกาย นอกจากนี้เกรปฟรุตยังมีสารที่ช่วยต้านไวรัสจึงขจัดไวรัสที่ทำอันตรายออกไปได้ เกรปฟรุตจัดเป็นผลไม้ล้างพิษที่ยอดเยี่ยมสำหรับลำไส้และตับเลยทีเดียว

11. ผักคะน้า

ผักคะน้านึ่งมีประโยชน์ในการช่วยต่อต้านมะเร็ง และเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยล้างสารพิษออกไปจากร่างกายได้ ทั้งยังเต็มไปด้วยเส้นใยอาหารที่ช่วยทำความสะอาดทางเดินอาหาร คล้ายๆ กับกระหล่ำปลีนั่นเอง คะน้ายังทำให้สารที่พบในควันบุหรี่มีความเป็นกลาง และยังช่วยล้างพิษตับได้อย่างมีประสิทธิภาพ

12. พืชตระกูลถั่ว

เพิ่มถั่วที่ปรุงสุกแล้วลงไปในอาหารมื้อต่อไปของคุณ มันเต็มไปด้วยเส้นใยอาหารช่วยลดคอเลสเตอรอล ทำความสะอาดลำไส้และรักษาระดับน้ำตาลในเลือด พืชตระกูลถั่วยังช่วยป้องกันมะเร็งได้ด้วยนะ

13. เลมอน

เลมอน
เลมอน
จัดเป็นสารล้างพิษตับชั้นเยี่ยม ในเลมอนประกอบไปด้วยวิตามินซีสูงมาก ซึ่งเป็นวิตามินที่ร่างกายต้องการใช้เพื่อนำไปผลิตสารที่มีชื่อว่ากลูต้าไธโอน กลูต้าไธโอนช่วยล้างพิษตับจากสารเคมีอันตรายต่างๆ บีบน้ำเลมอนสักลูกผสมกับน้ำสะอาดแล้วดื่มทุกวันเป็นประจำช่วยล้างพิษในร่างกายได้

14. สาหร่ายทะเล

สาหร่ายทะเลเป็นพืชที่มักจะถูกละเลยในโลกตะวันตก จากการศึกษาที่มหาวิทยาลัย McGill ในมอนทรีออล พบว่าสาหร่ายทะเลช่วยดักจับสารกัมมันตรังสีในร่างกายได้ อีกทั้งยังดักจับโลหะหนักแล้วขจัดออกไปจากร่างกาย นอกเหนือจากนี้ในสาหร่ายทะเลยังเต็มไปด้วยแร่ธาตุอีกเป็นจำนวนมากด้วย

15. ผักวอเตอร์เครส (สลัดน้ำ)

ถ้ายังไม่เคยทานผักวอเตอร์เครส อาจลองชิมด้วยการนำไปทำแซนวิชดูได้ ผักชนิดนี้เพิ่มเอนไซม์ที่ช่วยในการล้างพิษและเซลล์มะเร็งออกไปจากร่างกายด้วย จากการศึกษาในศูนย์วิจัยอาหาร Norwich ในประเทศอังกฤษ พบว่าผู้ที่สูบบุหรี่ที่ทานวอเตอร์เครส 170 กรัมต่อวันจะขจัดสารก่อมะเร็งผ่านออกมาทางปัสสาวะได้มากกว่าระดับปกติที่เคยขับออกมาจากร่างกาย
การกินผักและผลไม้ที่หลากหลายจัดเป็นตัวช่วยที่ดีเยี่ยมในการล้างเอาสารพิษที่เป็นอันตรายออกไปจากร่างกาย อีกทั้งมันยังอร่อยถูกปากรสชาติดีอีกด้วยนะ

วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2561

กินอย่างไรจึงจะไม่เจ็บป่วย

ที่มา : มูลนิธิหมอชาวบ้าน
กินอย่างไรจึงจะไม่เจ็บป่วย thaihealth
สุขภาพที่ดีเป็นสิ่งที่สำคัญ  การกินก็เป็นอีกหนึ่งวิธี ที่ควรระมัดระวัง เพราะปัจจุบัน ด้วยสภาพแวดล้อมและอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้อาหารที่รับประทานนั้น ไม่ปลอดภัย 100 % เสมอไป   อาหารที่ถูกสุขอนามัยนั้นเราไม่จำเป็นต้องซื้ออาหารแพงๆ หรือวิตามินมากิน เพียงแค่เราปฏิบัติตามกฎ 10 ข้อ ดังต่อไปนี้
1.กินอาหารหลายๆชนิดหมุนเวียนกันไปทุกวัน
2.กินอาหารให้เพียงพอ ไม่มากไม่น้อยไป
3.กินอาหารที่เป็นธรรมชาติดัดแปลงแต่น้อย
4.กินเป็นเวลา ไม่กินจุบจิบ ไม่กินระหว่างมื้อ
5.กินอาหารเช้าให้มาก และหนักที่สุด ส่วนมื้อเย็นกินน้อยๆและเบาๆ
6.กินช้าๆ เคี้ยวให้ละเอียด
7.ควรกินอย่างฉลาด หลีกเลี่ยงอาหารที่ปลอมปนและเป็นพิษเป็นภัยต่อร่างกาย
8.ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว
9.ไม่บริโภคสิ่งเสพติด
10.เวลากินข้าวระวังอย่าให้ตึงเครียด อารมณ์เสีย หรือเหนื่อยมากเกินไป

บุหรี่ กับโรคหัวใจ

ที่มา : บุหรี่จิ๋ว แต่เจ็บ(ป่วย) โดย มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
บุหรี่ กับโรคหัวใจ  thaihealth
องค์การอนามัยโลกได้ระบุว่า 1 ใน 4 หรือร้อยละ 25 ของผู้ที่เสียชีวิตจากโรคเส้นเลือดหัวใจตีบเป็นผลจากการสูบบุหรี่ และผู้หญิงสูบบุหรี่ที่ได้รับยาคุมกำเนิด จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบมากกว่าสตรีทั่วไปถึงเกือบ 40 เท่า และยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นเลือดสมองตีบและโรคระบบหลอดเลือดสูงกว่าสตรีทั่วไปด้วย
รายงานการวิจัยในสหรัฐอเมริกาพบว่า กลุ่มผู้สูบบุหรี่จะมีโอกาสหรือความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจขาดเลือดมากกว่าคนไม่สูบบุหรี่ 2.4 เท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้สูบบุหรีที่เป็นโรคความดันเลือดสูง หรือมีไขมันในเลือดสูง จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจขาดเลือดถึง 1.5 เท่า ซึ่งหากผู้สูบบุหรี่นั้น เป็นทั้งความดันเลือดและไขมันในเลือดเสื่อม และเกิดความตีบตันเร็วมากกว่าผู้ไม่สูบถึง 10-15 ปี
ผลจากการสูบบุหรี่ต่อการทำงานของหัวใจ
ขณะนี้โรคหัวใจเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของคนไทย โดยส่วนใหญ่เป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ซึ่งการสูบบุหรี่เป็นสาเหตุที่สำคัญ ผู้สูบบุหรี่มีโอกาสหัวใจวายตายในอายุประมาณ 30-40 ปี ซึ่งสุงกว่าผู้ไม่สูบถึง 5 เท่า สารพิษในควันบุหรี่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของหลอดเลือดทั่วร่างกาย โดยเกิดเป็นคราบเกาะภายในหลอดเลือด ทำให้รูหลอดเลือดค่อยๆ ตีบลง จนเกิดการตีบตันของเส้นเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้น้อยลง จึงทำให้เกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบหรือโรคหัวใจขาดเลือดได้ เมื่อหลอดเลือดตีบจนมีผลให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงหัวใจได้ จะเกิดอาการจุกเสียด เจ็บหน้าอก และถึงขั้นหัวใจวายได้ในที่สุด

วันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุ

ที่มา : หนังสือคู่มือการดูแลผู้สูงอายุสูตรคลายซึมเศร้า โดยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ร่วมกับ มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.)


                ภาวะซึมเศร้าคือการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ชนิดหนึ่ง อาการหลักๆ คือผู้สูงอายุจะรู้สึกเบื่อหน่ายหรือเศร้า หรือทั้งสองอย่าง โดยอาจมีการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการกินการนอน เรี่ยวแรง สมาธิ รวมถึงความรู้สึกที่มีต่อตัวเองร่วมด้วย
                การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ถ้าเป็นไม่มากนัก อาจเข้าข่าย “ภาวะซึมเศร้า” แต่หากมีอาการมากและกินระยะเวลานานก็อาจพัฒนากลายเป็น “โรคซึมเศร้า” ซึ่งจะทําให้ไม่มีความสุขในชีวิต ทํากิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจําวันได้ไม่ดีเหมือนเดิม และบางรายที่รู้สึกท้อแท้หรือหมดหวัง อาจส่งผลรุนแรงถึงขั้นไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป
อาการของภาวะซึมเศร้าเป็นอย่างไร
                รู้สึกเบื่อหน่าย : ผู้สูงอายุจะรู้สึกเบื่อหน่าย สนใจสิ่งต่างๆ น้อยลงหรือหมดความสนใจ หมดอาลัยตายอยากในชีวิต ไม่เบิกบาน ห่อเหี่ยว หดหู่ หรือเซ็ง ภาษาถิ่นเรียกว่า ก้าย (เหนือ), เป็นตะหน่ายแท่ อุกอั่ง (อีสาน), เอือน (ใต้)           
                รู้สึกเศร้า : ผู้สูงอายุจะเศร้าโศกเสียใจง่าย น้อยใจง่าย ร้องไห้ง่าย รวมถึงมักรู้สึกท้อใจ
                พฤติกรรมการนอนเปลี่ยนแปลง : ผู้สูงอายุจะนอนไม่หลับ หลับๆ ตื่นๆ ตื่นเช้ากว่าปกติ หรืออาจนอนมากขึ้น หลับทั้งวันทั้งคืน นอนขี้เซา
                พฤติกรรมการกินเปลี่ยนแปลง : เบื่ออาหาร ไม่ค่อยหิว หรืออาจกินจุขึ้น ของที่เคยชอบกินกลับไม่อยากกิน หรือบางรายอาจอยากกินของที่ปกติไม่กิน เช่น ของหวานๆ
                การเคลื่อนไหวของร่างกายเปลี่ยนแปลง : ผู้สูงอายุอาจเคลื่อนไหวเชื่องช้าลงหรือเคลื่อนไหวมากขึ้น กระวนกระวาย ภาษาอีสานเรียกว่า หนหวย หรือ บ่เป็นตะอยู่
                กําลังกายเปลี่ยนแปลง : อ่อนเพลียง่าย กําลังวังชาลดน้อยถอยลง รู้สึกไม่ค่อยแข็งแรงเหมือนเดิม ไม่ค่อยมีแรง บางรายอาจบ่นเกี่ยวกับอาการทางร่างกายหลายอย่างที่ตรวจไม่พบสาเหตุ หรือมีอาการมากกว่าอาการปกติของโรคนั้นๆ
                ความรู้สึกต่อตนเองเปลี่ยนแปลง : รู้สึกไร้ค่า รู้สึกผิด หรือรู้สึกแย่กับตัวเอง คิดว่าตนเป็นภาระของลูกหลาน ไม่มีความสามารถเหมือนที่เคยเป็น ความภาคภูมิใจในตนเองลดลง อับจนหนหาง หมดหวังในชีวิต
                สมาธิและความจําบกพร่อง : หลงลืมบ่อย โดยเฉพาะลืมเรื่องใหม่ๆ ใจลอย คิดไม่ค่อยออก มักลังเลหรือตัดสินใจผิดพลาด
                ทําร้ายตัวเอง : ผู้สูงอายุบางรายที่มีอาการมากๆ อาจรู้สึกไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป บางรายจะคิดหรือพูดถึงความตายบ่อยๆ นึกอยากตาย และอาจวางแผนทําร้ายร่างกาย เช่น เตรียมสะสมยาจํานวนมากๆ เตรียมวัสดุอุปกรณ์ จากนั้นอาจลงมือทําาร้ายตัวเองด้วยวิธีต่างๆ เช่น กินยาเกินขนาด กินยาฆ่าแมลงหรือยาฆ่าหญ้า แขวนคอ หรือใช้อาวุธทําร้ายตนเอง ผู้สูงอายุบางรายอาจไม่ยอมกินยาประจําตัว เพื่อปล่อยให้อาการทรุดลงจนเสียชีวิต

วันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

หลักในการบริโภคไขมันที่ดี

ที่มา: หนังสือคู่มือบันทึกสุขภาพดี เพื่อการมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพ
โดย: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

การบริโภคไขมันไม่อิ่มตัวแทนไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานซ์  ไขมันที่เราบริโภคจะเป็นส่วนผสมของกรดไขมันชนิดต่างๆ ซึ่งให้ผลต่อร่างกายแตกต่างกันออกไป หลักในการบริโภคคือ บริโภคไขมันอิ่มตัวน้อยลง และทดแทนด้วยไขมันไม่อิ่มตัวมากขึ้น
ไขมันในอาหารประกอบด้วยกรดไขมัน 3 ชนิดได้แก่
1.กรดไขมันอิ่มตัว พบมกในไขมันสัตว์ หรือผลิตภัณฑ์สัตว์ น้ำมันมะพร้าว กะทิ น้ำมันปาล์มเคอเนล กรดไขมันชนิดนี้มีผลในการเพิ่มโคเลสเตอรอลรวมและ แอลดีแอล ซึ่งเร่งการกิดโรคหัวใจ
2.กรดไขมันอิ่มตัวตำแหน่งเดียว ถือเป็นไขมันดี มีมากในถั่วเหลืองเมล็ดแห้ง น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนลา น้ำมันรำข้าว น้ำมันปาล์มโอเลอิน ถั่วลิสง กรดไขมันชนิดนี้มีผลในการลดระดับโคเลสเตอรอล โดยไม่ลดระดับเอชดีแอล ซึ่งป้องกันการเกิดโรคหัวใจได้
3.กรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง พบในน้ำมันถั่วเหลือง ข้าวโพด ดอกคำฝอย เมล็ดดอกทานตะวัน เมล็ดฝ้าย เป็นต้น มีผลในการละระดับโคเลสเตอรอล ในขณะเดียวกันก็ลดระดับเอชดีแอลด้วยนอกจากนี้ยังพบมากในอาหารทะเล เป็นกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องรับประทานจากอาหาร
*สำหรับไขมันทรานซ์  พบมากในเนยเทียม เนยขาว มาร์เจอรีน น้ำมันที่ใช้ทอดมันฟรั่ง และขนมอบที่ทำจากมาร์เจอรีน ซึ่งไขมันชนิดนี้ในธรรมชาติพบในผลิตภัณฑ์นม ข้อมูลวิจัยพบว่าไขมันชนิดนี้ทำให้เพิ่มโคเลสเตอรอลและลด HDL ได้เช่นเดียวกับไขมันอิ่มตัว

วันพุธที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2560

แก้นิสัยบ้างาน ปรับชีวิตสู่สมดุล

ที่มา : 40plus.posttoday

มึนหัว อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ หิวของหวาน อยากของเค็ม ใครเป็นยกมือขึ้น อาการเหล่านี้อาจจะไม่ใช่แค่การเหนื่อยล้าจากการทำงานธรรมดา แต่เป็นกลุ่มอาการที่ บ่งบอกว่า คุณหักโหมเกินไปจนร่างกายรับไม่ไหว ก้มหน้าก้มตาอดหลับอดนอนจนร่างกายรวนและทรุด อนาคตเงินที่หาได้คงต้องใช้รักษาร่างกายแทนการหาความสุขแล้วละ



เศรษฐกิจขาลงแบบนี้ ทุกอาชีพล้วนมีความเครียดไม่ต่างกัน นอกจากปัญหาเศรษฐกิจที่ ค่าครองชีพสูงขึ้น ยังมีปัญหาสังคมและครอบครัวให้ต้องกังวลเพิ่มขึ้นไปอีก ยิ่งความเครียดรุมล้อมมากเท่าไร โอกาสที่โรคร้ายจะรุมเร้าก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น ความเครียดไม่เพียงทำให้สูญเสียพลังงาน แต่ยังนำมาซึ่งโรคร้าย ความเครียดเป็นปฏิกิริยาของสมองที่แต่ละคนจะมีปฏิกิริยาตอบสนองไม่เหมือนกัน แต่ละคนทนต่อความเครียดได้ไม่เท่ากัน ร่างกายก็จะแสดงอาการออกมาแตกต่างกันไป ส่วนเรื่องอันตรายก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของความเครียดว่ามากน้อยแค่ไหน และความอดทนของแต่ละบุคคล