วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2560

ตัวการทำร้ายผิว...มองไม่เห็นแต่ร้ายลึก

ที่มา: เว็บไซต์ไทยรัฐ
ตัวการทำร้ายผิว...มองไม่เห็นแต่ร้ายลึก
ตัวการทำร้ายผิว...มองไม่เห็นแต่ร้ายลึก
          มลภาวะที่ต้องเผชิญในแต่ละวัน รวมทั้งความเครียด ล้วนเป็นตัวการทำร้ายผิวทั้งนั้น แล้วไหนจะความร้อนจากแสงแดด ที่พอเข้าหน้าร้อนทีไร ก็จะต้องพกร่ม หมวก ใส่เสื้อคลุม สวมแว่นกันแดด ให้วุ่นวายไปหมด ผู้หญิงหลายคนเลยแก้ปัญหาโดยการไม่ออกไปไหนซะเลย พอไม่ต้องโดนแดดก็เลยไม่ทาครีมกันแดด แต่รู้ตัวไหมว่าคุณกำลังคิดผิดมหันต์!!!

          อยู่แค่ในร่มใช่ว่าผิวจะไม่เสีย
          นอกจากแสงแดดที่เราสัมผัสกันอยู่ทุกวันแล้ว ผู้หญิงหลายคนอาจคิดว่าการหลบอยู่ในที่ร่ม หรืออยู่แต่ในที่ทำงานสามารถป้องกันผิวจากอันตรายต่างๆ ได้ แต่นั่นคือความเข้าใจผิด เพราะแม้ในวันที่ไม่มีแดดจัด อย่างเช่น วันที่ฝนตก หรือ วันที่มีเมฆมาก ผิวก็ถูกทำร้ายทางอ้อมได้เช่นกัน สาเหตุที่แท้จริงมาจากอะไรกันแน่ ถึงเวลาแล้วที่เราต้องรู้เท่าทันเพื่อไม่ให้สายเกินแก้จนผิวแก่กว่าวัย
          ชีวิตติดจอ! ระวังอันตรายจาก “แสงสีฟ้า”
          ในปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือประเภทสมาร์ทโฟน (Smartphone) คอมพิวเตอร์แบบพกพา (Tablet) หรือแบบตั้งโต๊ะ แทบจะกลายเป็นปัจจัยที่ห้าสำหรับมนุษย์ทุกคนไปแล้วอย่างน้อยต้องมี 1 ชิ้นแน่นอน ประโยชน์ก็คือไว้ติดต่อสื่อสาร เล่นเกม ใช้โซเชียล ช็อปปิ้งออนไลน์ ดูละคร อ่านข่าว และผลสำรวจบอกว่าใน 1 วัน เฉลี่ยแล้วคนไทยใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมงกับสิ่งเหล่านี้ เท่ากับว่า 1 ส่วน 4 ของวันเลยทีเดียว เรียกว่าตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอน ชีวิตอยู่กับหน้าจอ!
          แต่คุณทราบหรือไม่ว่าอันตรายที่แฝงตัวมาเงียบๆ กับอุปกรณ์เหล่านี้คือ มาในรูปแบบของ “แสงสีฟ้า” นั่นเอง...
          ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ แสงสีฟ้า (blue light) ที่มาในรูปแบบของคลื่นแสงพลังงานสูง ที่มีความยาวคลื่นต่ำกว่า 300 นาโนเมตร ซึ่งประสาทตาของมนุษย์สามารถสัมผัสความยาวคลื่นที่อยู่ระหว่าง 400 – 700 นาโนเมตรเท่านั้น (ลองดูภาพประกอบ) ซึ่งแสงที่ผสมอยู่ในช่วงแสงสีขาวแบ่งได้ 7 สี คือ ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด และแดง ลองนึกภาพสายรุ้งจะเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น
          ซึ่งแสงสีฟ้าที่ว่านี้จะผสมอยู่ในช่วงน้ำเงินกับคราม และมีอยู่รอบๆ ตัว พบได้ในหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ แต่ที่พบมากที่สุด คือหน้าจอคอมพิวเตอร์และมือถือสมาร์ทโฟน นั่นเอง
          แล้วอันตรายของแสงที่ว่านี้มีอะไรบ้าง อย่างแรกแน่นอนว่ามีผลต่อการเสื่อมสภาพของเซลล์เยื่อชั้นในลูกตา หรือโรคจอประสาทตาเสื่อมโดยตรง ในขณะที่นั่งแชตและบางคนกลางคืนยังนอนแชตในห้องที่แสงน้อย ไม่ได้ทำร้ายแค่สายตาเท่านั้น แต่กลับเป็นตัวทำลายใบหน้าให้หมองคล้ำและเหี่ยวย่น เนื่องมาจากขาดความชุ่มชื้น ซึ่งปัญหาที่ตามมาก็คือเกิดสิว ฝ้า กระ แบบไม่รู้ตัว
          รู้จัก “อินฟราเรด” ตัวการทำลายผิวที่น่ากลัว
          นอกจากแสงสีฟ้าที่เป็นตัวการทำร้ายผิวของเราแล้ว ก็ยังมี รังสี “อินฟราเรด” ที่แฝงตัวมากับแสงอาทิตย์ ต้องเข้าใจก่อนว่าในแสงอาทิตย์ที่ส่องมานั้น ประกอบด้วย รังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet, UV) แบ่งเป็น UVA, UVB และ UVC (โอโซนในบรรยากาศได้กรอง UVC ออกไป), แสงที่มองเห็นได้ (Visible light) และ รังสีอินฟราเรด (Infrared) ซึ่งมีปริมาณมากกว่า 50% ของรังสีที่ตกกระทบมายังโลก
          “รังสีอินฟราเรด” หรือ รังสีความร้อน เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่แผ่มาจากดวงอาทิตย์ มีความยาวคลื่นอยู่ในช่วง 0.75 ไมโครเมตร - 1 มิลลิเมตร ซึ่งส่งผลเสียกับผิวหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น สร้างริ้วรอย แก่ก่อนวัย ผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ ?คอลลาเจนในเนื้อผิวหายไป และที่ร้ายแรงที่สุดคือมะเร็งผิวหนังนั่นเอง
          เลือกผลิตภัณฑ์กันแดดอย่างไรปกป้องสูงสุด
          เมื่อรู้แล้วว่าตัวการทำร้ายผิวบอบบางของเรานั้นมีหลากหลายประเภท ฉะนั้นการปกป้องผิวคือสิ่งที่จำเป็นที่สุด ซึ่งวิธีง่ายๆ ก็แค่การรู้จักเลือกผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีมากกว่าการปกป้องรังสียูวีเพียงอย่างเดียว เพราะแค่ค่าเอสพีเอฟ (SPF) ที่สูงอย่างเดียว ไม่สามารถปกป้องผิวได้ 100% แน่นอน
          สาวๆ ทั้งหลายเมื่อถึงคราวต้องเลือกซื้อผลิตภัณฑ์กันแดด ไม่ว่าจะเป็นแบบครีม เจล โลชั่น หรือสเปรย์ ลองพิจารณาให้ดีเสียก่อน โดยให้คำนึงถึงคุณสมบัติต่อไปนี้คือ “ปกป้อง” รังสีหรือแสงต่างๆ อีกทั้งยังช่วย “บำรุง” ให้ผิวกลับมาสุขภาพดี ชะลอริ้วรอยลึกก่อนวัย และยังต้อง “กระจ่างใส” แลดูเป็นธรรมชาติ
          เพียงแค่นี้เราก็สามารถปกป้องผิวให้แกร่งสู้แดด พร้อมใช้ชีวิตให้สนุกและสตรองได้แล้วค่ะ!!!
         

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น