วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2560

10 นิสัยที่ดี พ่อแม่ควรปลูกฝังลูก

ที่มา : manager.co.th โดย ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ

10 นิสัยที่ดี พ่อแม่ควรปลูกฝังลูก
10 นิสัยที่ดี พ่อแม่ควรปลูกฝังลูก
คุณพ่อคุณแม่ทุกคนคงรู้ว่าการเลี้ยงลูกไม่ใช่เรื่องที่ง่าย ต้องดูแลเมื่อลูกยังเล็กให้มีร่างกายเจริญเติบโตสมวัย และเมื่อลูกโตขึ้นก็อยากให้ลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีความรับผิดชอบ เลี้ยงดูตัวเองได้ มีนิสัยดี และมีคู่ครองที่ดีในอนาคต การปลูกฝังลักษณะนิสัยที่ดีแก่ลูกเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ลูกประสบความสำเร็จในอนาคตได้ วันนี้ผู้เขียนมีข้อแนะนำถึงการสร้างนิสัยที่ดีที่จะติดตัวลูกไปจนตลอดชีวิต ดังนี้

1. การทำให้ดูเป็นตัวอย่าง เมื่อเราต้องการให้ลูกกินผัก เราต้องกินผักเป็นตัวอย่างให้ลูกดู ถ้าอยากให้ลูกออกกำลังกายเราก็ต้องออกกำลังกายเป็นตัวอย่างให้ลูกดู เด็กๆเรียนรู้ได้ดีจากการเลียนแบบ และควรที่จะเริ่มสร้างลักษณะนิสัยที่ดีเมื่อลูกยังอายุน้อย เพราะจะทำให้ลูกติดเป็นนิสัย อย่าใช้วิธีต่อรองกับลูกโดยใช้อาหาร ของเล่นและสิ่งอื่นๆ โดยเฉพาะความรักมาเป็นเครื่องต่อรอง เพื่อให้ลูกทำในสิ่งที่เราต้องการ เพราะนั่นจะเป็นการสร้างนิสัยที่ไม่ดีให้กับลูก
2. ให้รางวัลแก่ลูกโดยการใช้เวลากับลูก แทนการให้รางวัลแก่ลูกโดยให้เล่นวิดีโอเกมหรืออนุญาตให้ดูทีวี หรือกิจกรรมอื่นที่ให้ลูกนั่งทำกิจกรรมเฉยๆ เท่านั้น ควรใช้เวลาว่างด้วยกันเป็นสิ่งที่มีค่าและจะอยู่ในความทรงจำของลูกตลอดชีวิต เช่น ไปเล่นกีฬาด้วยกัน ไปเดินทางท่องเที่ยวด้วยกัน หรือให้ลูกวางแผนการทำกิจกรรมที่สนุกด้วยกันตลอดทั้งวัน ลูกจะมีจุดสนใจกับกิจกรรมที่เป็นภาคปฏิบัติ เป็นการได้ใช้เวลากับพี่น้อง ลูกวัยรุ่นมักมีความคิดริเริ่มในการทำกิจกรรมดีๆ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรดูถูกหรือคาดการณ์ล่วงหน้าไว้ก่อนว่าลูกจะทำไม่ได้
3. อย่าใช้อาหารเป็นรางวัลหรือข้อต่อรอง การให้ขนมหวานหรืออาหารที่ไม่มีคุณค่า (Junk Food) กับลูกเป็นเครื่องต่อรอง เป็นการสร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องของอาหารที่ไม่ถูกต้อง จากการศึกษาพบว่าหากผู้ใหญ่ให้รางวัลหรือทำโทษโดยใช้อาหารเป็นรางวัลหรือข้อต่อรอง เด็กๆ จะมีปัญหาเรื่องการกินและมีปัญหาเรื่องน้ำหนักในอนาคต ดังนั้นควรงดการให้รางวัลซึ่งจะทำให้สร้างแรงจูงใจที่ผิด เช่น บอกว่าไม่ให้ กินไอศกรีมหากกินข้าวไม่หมด หรือหากกินข้าวไม่หมด แม่ไม่รัก เป็นต้น เพราะการห้ามโดยใช้อาหารจะกลายเป็นสิ่งที่ทำให้มีจุดสนใจที่อาหารเพิ่มมากขึ้น
4. ให้คำชมต่อความพยายามของเด็ก ทุกคนต้องการคำชม ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ดังนั้น การสร้างแรงจูงใจให้กับลูก จะเริ่มโดยการสร้างจุดสนใจเกี่ยวกับความพยายามของลูก สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ ส่วนใหญ่เรามักชมที่ผลลัพธ์มากกว่าความพยายามของลูก ยกตัวอย่าง เช่น เมื่อลูกนำวาดรูปมาให้คุณพ่อคุณแม่ดู อย่าพูดแต่เพียงว่าสวยจัง แต่ให้เราชมรูปที่ลูกวาดเกี่ยวกับความพยายามในการวาดรูปแทน เพราะการชมที่เฉพาะเจาะจงจะสร้างกำลังใจให้ลูกมากกว่าผลลัพธ์ ที่มักจะเปรียบเทียบกับผลงานของลูกกับคนอื่น คุยกับลูกถึงเรื่องกีฬาที่ลูกเลือกเล่นใหม่ คุณพ่อคุณแม่สามารถสร้างความภาคภูมิใจแก่ลูกได้ โดยการพาลูกไปฝึกฟุตบอล และหาครูที่สอนฟุตบอล หรือแม้กระทั่งพาลูกไปดูการแข่งข้นกีฬาที่สนามแข่ง อย่ามุ่งสร้างความสนใจเรื่องการชนะ หรือการแพ้แต่อย่างเดียว
5. สงบไม่ตะโกน เมื่อเราบอกลูกให้ทำบางสิ่งบางอย่าง หรือลงวินัยกับลูกให้เราสงบ เด็กจะเรียนรู้การจัดการกับอารมณ์ของเขาโดยการเฝ้ามองเรา ดังนั้น เราจะต้องทำเป็นตัวอย่างและทำอย่างสม่ำเสมอ ชัดเจนโดยมีขั้นตอนดังนี้ 1. บอกว่าลูกทำอะไรผิด 2. บอกลูกว่าเมื่อไหร่ต้องทำสิ่งนั้น 3. อธิบายถึงผลของการไม่ทำตาม 4. มีข้อตกลงที่เคร่งครัดและไม่ยอมให้ลูกต่อรอง
6. แสดงให้ลูกเห็นว่าการออกกำลังกายนั้นมีประโยชน์ ถ้าเราต้องการให้ลูกออกกำลังกาย เราต้องทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ให้ลูกตระหนักว่าการออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดี ชวนลูกไปออกกำลังกายด้วยกันหลังเลิกเรียน ไปขี่จักรยาน หรือเล่นเทนนิสด้วยกัน พูดคุยกับลูกถึงความรู้สึกที่ได้ออกกำลังกาย สิ่งเหล่านี้จะเป็นการเสริมแรงและสร้างแรงจูงใจที่เป็นธรรมชาติในการออกกำลังกายให้แก่ลูก เด็กๆ ควรได้รับการออกกำลังกายอย่างน้อย 60 นาทีต่อวัน
7. ใช้เครื่องจับเวลาเป็นตัวช่วย ให้เราหาวิธีที่จะช่วยลูกในการออกไปทำกิจกรรมต่างๆโดยการซื้อเครื่องจับเวลาซึ่งไม่ได้มีราคาแพงอะไร โดยใช้เครื่องจับเวลาเป็นตัวช่วยในการทำกิจกรรมที่ท้าทายต่างๆ เช่น เล่นเกม หรือกิจกรรมอื่นๆ ติดเครื่องจับเวลาไว้ที่ตู้เย็น การใช้เครื่องมือขนาดจิ๋วนี้และต่อด้วยการชมเชยอย่างจริงใจ จะช่วยสร้างแรงจูงใจให้เด็กที่จะออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านหรือเคลื่อนไหวได้ตลอดทั้งวัน
8. สร้างแรงบันดาลใจให้ลูกโดยการไปดูกิจกรรมต่างๆ ที่ลูกสนใจ เพราะนั่นเป็นการสร้างนิสัยที่ดีให้กับลูก ฝึกให้ลูกมองดูผู้อื่นที่มีความสามารถในด้านต่างๆ เพื่อสร้างแรงจูงใจ และจะเป็นสิ่งที่ท้าทายแก่ลูกด้วย จะเพิ่มความอยากในการทำให้กิจกรรมต่างๆนั้นด้วยในเวลาเดียวกัน เช่น ไปลูกไปดูการเต้นบัลเล่ต์ การแข่งขันฟุตบอลโดยครูที่มีความสามารถในการฝึก พาไปดูการแข่งขันวอลเล่ย์บอลโดยทีมชาติไทย สิ่งเหล่านี้เป็นการสร้างแรงจูงใจที่ดีในการพัฒนาตนเองให้กับลูก
9. สอนให้ลูกทำครัว หากเราต้องการส่งเสริมให้ลูกที่เป็นคนลองกินสิ่งใหม่ๆ เช่น ผัก หรืออาหารรสชาติใหม่ๆ ให้เราพาลูกไปตลาดที่เราไม่เคยไปมาก่อน และเมื่อกลับบ้านให้ทดลองทำอาหารเองด้วยกัน หากเป็นเด็กโตหรือเด็กวัยรุ่นลองให้ลูกเป็นคนตัดสินใจว่าจะทำอาหารเย็นอะไรดี การที่ลูกศึกษาเกี่ยวกับการทำอาหารชนิดใหม่ๆ จะทำให้ลูกมีแรงจูงใจ และทำให้ลูกเกิดความชื่นชอบในอาหารนั้นๆ และทานอาหารนั้นมากขึ้นด้วย
10. มีตัวเลือกที่มีขอบเขตให้ลูก โดยแทนที่จะสั่งให้ลูกทำงานบ้านต่างๆแต่ให้เสนอตัวเลือกให้กับลูกได้เลือกจะดีกว่า ถามลูกว่าต้องการจะทำงานนี้ตอนนี้ หรือจะทำอีกในเวลาสอง สามนาที ถามลูกว่าจะเอาขยะไปทิ้งหรือว่าจะล้างจานก่อนดี เด็กมักจะขัดขืนเมื่อรู้สึกว่าโดนบังคับ การเสนอตัวเลือกให้กับลูกเป็นสิ่งที่ลูกจะได้ควบคุมสถานการณ์ เป็นการช่วยเปิดโอกาสและเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ลูก การฝึกให้ลูกรู้จักเลือกตัวเลือกตั้งแต่เดี๋ยวนี้จะทำให้ลูกสามารถเลือกตัวเลือกที่ฉลาดได้ต่อไปในอนาคตด้วย
การสร้างนิสัยที่ดีให้กับลูกยังมีอีกมากมายหลายข้อ เช่น การสร้างให้ลูกรู้จักรับผิดชอบ มีน้ำใจ รู้จักเห็นใจผู้อื่น เป็นต้น คุณพ่อคุณแม่ควรสร้างนิสัยที่ดีให้ติดตัวลูกไปตลอดชีวิต ซึ่งต้องเริ่มปลูกฝังสิ่งที่ดีเหล่านี้ให้แก่ลูกตั้งแต่ยังเล็กเพื่อจะติดตัวลูกไปจนโต เป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวเสมอค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น